สัปดาห์ที่ผ่านมา
มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่อาร์ลิงตันยื่นจดทะเบียนสิทธิบัตรสำหรับกังหันจิ๋วที่ออกแบบโดยผู้ร่วมงานวิจัย
Smitha Rao และ JC Chiao,
ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าของทางมหาวิทยาลัยกังหันลมขนาด
2 มิลลิเมตร จำนวน 1000 ชิ้น
อาจถูกนำมาประกอบเป็นกรอบโทรศัพท์มือถือ
ที่สามารถชาร์ตเป็นพลังงานไฟฟ้าได้
พวกเขายังคาดหวังอีกว่ากังหันลมจิ๋วนี้จะสามารถผลิตได้ในราคาถูกโดยใช้เทคนิคจากอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ
(Semiconductor
Industry)
การทำงานของทั้งคู่แสดงให้เห็นถึงแนวความคิดใหม่ๆ
เกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม
ที่ส่วนใหญ่มักคิดว่า
การผลิตพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องสร้างฐานโรงงานให้ใหญ่เท่าที่จะเป็นไปได้
ทั้งสองไม่ได้สนใจจะทำการใหญ่ขนาดนั้น
พวกเขาแค่ออกแบบเพื่อหวังใช้ในการผลิตรากฟันเทียม
หรือเซนเซอร์เพื่อใช้ในทางการแพทย์
กังหันลมนั้นเป็นการทดลองที่พวกเขาไม่คาดหวังว่ามันจะประสบผลสำเร็จ
เราทำไปเพื่อความสนุกเท่านั้น Chiao
กล่าว
แรงบันดาลใจมาจากลูกสาววัย 3 ปีของ
Rao ที่วิ่งผ่านมากับกังหันที่อยู่ในมือหนูน้อย
ในขณะที่เธอกำลังพูดถึงการออกแบบอุปกรณ์การผ่าตัดกับ
Chiao
ว่าใบมีดนั้นเปราะบางเกินกว่าที่จะทนต่อลมแรงใด ๆ
และพวกเขาก็ค้นพบทางออก
เมื่อได้รับต้นแบบอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขนาดเล็กระดับไมโคร
(Micro-Electrical-Mechanical-System MEMS)
ที่นำโลหะผสมกับนิเกลที่มีความยืดหยุ่น
มาทำเป็นใบมีดที่สามารถทนต่อแรงระเบิดลมได้
โดยทั่วไปเรามักยึดติดกับขนาดใหญ่ว่าสามารถสร้างประสิทธิภาพในการผลิตได้มากขึ้น
ทั้งที่หลักทางกายภาพด้านอื่นนั้นสามารถดึงเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์
ยกตัวอย่างเช่น การใช้ว่าวผลิตพลังงานไฟฟ้า (Mikai
power)
แทนที่จะใช้กังหันลมขนาดใหญ่ที่ก็ไม่สามารถคาดเดาถึงกำลังแรงลมหรือทิศทาง
Mikai power
กลับใช้ว่าวในการเข้าถึงพลังงานธรรมชาตินั้นคือ
การทำให้ว่าวติดลมบน
แม้นักวิจัยจะไม่ได้สร้างกังหันลมเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานใด
ๆ ในโลก
แต่การออกแบบของพวกเขาอาจมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ
เช่นค่าใช้จ่ายที่ถูกลงและความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้น
ถ้ามัวแต่คำนึงถึงการสร้างกังหันลมใหญ่
และเมื่อมันพัง ทุกอย่างก็ต้องจบ Chiao
กล่าว
เขายังเพิ่มเติมอีกว่า
กังหันลมนี้อาจนำไปใช้ในเรื่องที่ธรรมดาทั่วไป
ยกตัวอย่างเช่น โคมไฟในสนามหลังบ้าน
เซนเซอร์ของรีโมท
หรือกำลังไฟสำรองในช่วงค่ำที่จะช่วยเสริมพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ที่สามารถผลิตได้เฉพาะช่วงเวลาที่มีแสง
นักวิจัยทั้งสองหวังว่าจะนำเสนอผลงานของพวกเขาในที่ประชุมภายในปีนี้